เรื่องสั้น…รักพลิกล็อค / รินรา..บทที่…7
(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
“โอย ร้อนๆ”
“ก็ของมันร้อน คุณก็ไม่น่าใจร้อนตามนี่คะ เสื้อผ้าคุณเลอะไปหมดแล้ว มานี่ค่ะ ฉันช่วย”
อย่างลืมตัวที่หญิงสาวแทบจะคว้าผ้าเย็นจากถังใบเล็กๆ ที่เธอเตรียม มานั่นเช็ดเสื้อให้กับเขา เช็ดไปก็เริ่มเห็นรอยแดงจากแผงอกของเขาที่เธอปลดกระดุมออกไปเพียงเม็ดเดียว ก็เกิดอาการชะงัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและพบว่าดวงตาคมกล้าคู่นั้นจ้องมองเธออยู่ไม่วางตาเลย
“คุณนนท์ คือ เอ้อ ฉันขอโทษค่ะ ฉันคงทำเกินหน้าที่ไปหน่อยแล้วล่ะ”
หลังประโยคนั้น เธอขยับมือออกจากแผงอกกว้างของเขา หากชายหนุ่มก็ไวพอที่จะฉวยข้อมือเล็กๆ ของเธอเอาไว้
“ไม่หรอกแวว ผมควรขอบคุณคุณมากกว่าที่คุณจะต้องมาขอโทษผมเสียอีก คุณทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นจริงๆ นะ”
“คงไม่ใช่เพราะฉันหรอกค่ะ คงเป็นเพราะชาร้อนๆ นั่น มันลวกคุณจนสร่างเมามากกว่า”
เธอบอกกับเขาอย่างนั้น ก่อนพยายามบิดมือออกจากการเกาะกุมของเขาอย่างสุภาพ
“ปล่อยมือฉันเถอะค่ะ แล้วคุณก็ดื่มชาต่อได้แล้ว ฉันไม่อยากให้คุณกลับบ้านดึกไปกว่านี้ ครอบครัวคุณจะเป็นห่วงนะคะ”
“ครอบครัวหรือใครๆ ก็ไม่ห่วงผมหรอก แม้แต่แฟนผมเขายังไม่ห่วงเลย”
“ครอบครัวกับคนรัก มันคนละเรื่องกันเลยนะคะคุณนนท์ เอาเถอะค่ะ ถ้าคุณยังไม่อยากกลับ คุณก็นั่งเล่น ดูทีวีไปก่อนก็ได้ ฉันก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไรหรอกค่ะ”
“ถ้างั้น…เปลี่ยนจากดื่มชา เป็นดื่มอย่างอื่นได้มั้ยแวว”
“คุณนนท์ หมายถึงอะไรคะ”
“ก็…เขาว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ม แบบนี้มันก็ต้องถอนไม่ใช่เหรอครับ”
“บอสคะ ขนาดนี้ยังเมาไม่พออีกเหรอคะ ยังกับไปอาบเหล้ามาทั้งขวดแบบนี้”
“ไม่มีคำว่าพอหรอกแวว ขนาดฝ้ายเขายังไม่มีคำว่าพอเลย”
“นั่นไง พูดไปพูดมา คุณก็วนกลับมาเรื่องเดิมๆ อีกแล้ว ฉันบอกคุณแล้วไงคะ ให้ค่อยๆ คิด”
“ค่อยๆ คิด ใจเย็นๆ แบบคุณ จนถูกแย่งแฟนไปต่อหน้าต่อหน้า ยังทนได้แบบนี้น่ะเหรอครับแวว”
“คุณนนท์ จอร์ทเขาเป็นเพื่อนกับฉันมานาน เขาไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ”
“แน่ใจเหรอที่พูด”
ชายหนุ่มแทบจะจ้องตาเธอไม่กระพริบให้หญิงสาวต้องกลายเป็นฝ่ายหลบสายตาของเขาในเวลาต่อมานั่น
“ฉัน เอ้อ…”
“คุณก็ไม่มั่นใจนักหรอก ผมรู้ แล้วผมจะบอกอะไรให้นะแวว น้องสาวผมยืนยันว่าคนที่มาส่งคุณ เป็นคนเดียวกับที่เดินควงกันในห้างกับแฟนผม แล้วยังเรื่องผ้าเช็ดหน้านั่นอีก แฟนคุณเขาไม่มั่นใจว่าเป็นของใคร แต่ผมบอกได้เลยว่าเป็นของเนย เพราะผมจำกลิ่นน้ำหอมที่เธอใช้ได้ วันที่คุณเปิดกระเป๋าสะพาย กลิ่นน้ำหอมนั่นมันก็กลิ่นน้ำหอมของเนยชัดๆ ยอมรับความจริงเถอะแวว เราน่ะ ต่างคนก็ต่างหัวอกเดียวกันนั่นล่ะ”
ข้อสรุปของชายหนุ่ม ทำให้แววเดือนถึงกับนิ่งอึ้งไป แน่ล่ะความหวาดระแวงในใจแม้ยังไม่ชัดเจนแจ่มชัดนัก หากความที่เขาตอกย้ำเธอ มันราวกับเอาเข็มแหลมๆ มาทิ่มแทงหัวใจกันเลยทีเดียว
…………………
“ผมว่าป่านนี้เขาสองคน อาจจะกำลังฉลองกันอยู่ก็ได้ แล้วเราล่ะแวว จะมานั่งเศร้าเอาอะไร เขาฉลองได้ เราก็ฉลองได้ในแบบของเรา จริงมั้ย”
ไอ้ฉลองในแบบของเรานั่น แทบทำให้หญิงสาวเผลอยิ้มออกมาได้ เพราะเวลานั้น คนเมาอย่างชานนท์ ขอค้นตู้เย็นในบ้านของหญิงสาว ก่อนจะคว้าเอาผลไม้ที่พอปั่นให้เป็นน้ำพันช์ได้ออกมาหลายอย่าง จากนั้น เขาก็ลงมือปั่นใส่แก้ว พร้อมกับหย่อนน้ำแข็งลงไปหลายก้อน ผลออกมาเป็นน้ำพันช์สองแก้วสีสวยที่วางเคียงกันอยู่บนโต๊ะรับแขกหน้าทีวีนั่น
“เป็นไงคุณ ฝีมือผม”
“ยังไม่ทันได้ดื่มเลย จะให้ตอบยังไงได้ละคะ ว่าแต่ มันดื่มได้จริงๆ เหรอคุณนนท์”
“แน่นอนแวว…ผมทำดื่มเองที่บ้านบ่อยไป มาๆ ไม่ต้องลังเลเลย ชนแก้วกันเถอะ !”
เขายกแก้วเครื่องดื่มส่งให้กับเธอ หากยังไม่ทันที่แก้ว องใบจะได้ชนกัน ชายหนุ่มก็ชะงักมือไว้เพียงนั้น เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อนนะแวว อย่างน้อย มันก็ควรมีบรรยากาศหน่อย ไม่ให้น้อยหน้าสองคนนั่นที่อาจจะฉลองกันอยู่ในผับหรือบาร์ที่ไหนสักแห่ง”
บทสรุปของเขา คือการถามหาเทียน เขาจุดเทียนปักลงหลายแท่งบนโต๊ะนั่น ก่อนที่จะเดินโซซัดโซเซไปปิดสวิทช์ไฟโดยที่เธอทัดทานไม่ทัน
และเพียงไฟทุกดวงดับลง เหลือเพียงแสงเทียนสลัวรัวรางเท่านั้น หญิงสาวก็เริ่มหวาดหวั่น ตกลงนี่เธอกำลังตกกระไดพลอยโจน เล่นสนุกอะไรเกินเหตุไปกับชายหนุ่มหรือเปล่านะ !
“เอาล่ะแวว คราวนี้เราก็มาชนแก้วกันได้แล้ว”
ท่ามกลางแสงเทียนสลัว กับสองแก้วที่ชนกันดันคลิ๊กนั่น
หากเพียงสามารถมองเห็นภาพของอีกฝ่ายได้ ทั้งชานนท์และแววเดือน คงได้เห็นภาพของชายหนุ่มและหญิงสาวอีกคู่ที่แทบจะกอดประคองกันออกมาจากผับหรูแห่งหนึ่ง จนขึ้นรถสปอร์ตหรูของจอร์ท ก่อนที่ทุกอย่างจะไปจบลงบนเตียงกว้างภายในคอนโดหรูของเนยนั่น
“นั่นไง คุณต้องเมามากแน่ๆ เลยจอร์ท วันนี้ คุณถึงไม่ยอมกลับบ้าน หรือว่า เป็นเพราะวันนี้ไม่มีสาวโทร.ตามกันแน่คะ”
“วันไหนๆ ก็ไม่มีสาวที่ไหนโทร.ตามผมได้หรอกเนย คุณก็รู้ผมเป็นตัวของตัวเองมากมายแค่ไหน ใครก็บังคับผมไม่ได้ทั้งนั้น”
“แม้แต่ฉัน อย่างนั้นรึเปล่าคะ”
“ผมรู้ดีว่าคุณ ไม่มีวันบังคับผม เว้นแต่ว่าเราจะต่างยินยอมพร้อมใจด้วยกันทั้งคู่เท่านั้น จริงมั้ย ที่รัก”
หลังประโยคนั้น ชายหนุ่มไล้ปลายนิ้วไปบนผิวแก้มของหญิงสาวอย่างแผ่วเบาอ่อนโยน ก่อนที่จะก้มลงแนบชิด ขณะที่หญิงสาวยังหมุนแก้วในมือ แล้วออกปากถามชายหนุ่ม
“สาบานได้เลยนะ ว่านี่คือพันช์จริงๆ ไม่ใช่เหล้า ให้ตายเถอะคุณเจ้านาย ทำไมมันถึงแรงจัง ดูสิ ฉันร้อนวูบวาบไปหมดทั้งตัวเลย”
จะด้วยฤทธิ์เครื่องดื่มหรือด้วยอะไรก็ตามทีเถอะ หากนั่นทำให้หญิงสาวพูดไปหัวเราะสดใส ไป ให้ชายหนุ่มที่เมาอยู่ก่อนไม่รู้เท่าไหร่ แทบจะเผลอจ้องมองเธอตาแทบไม่กระพริบ
“หน้าฉันแดงด้วยมั้ยเนี่ยคุณนนท์”
“ไม่รู้สิ…ผมรู้แต่ว่า คืนนี้คุณสวยจัง แววเดือน”
หลังประโยคนั้น ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ชิดกับเธออีกอย่างลืมตัว เขาใช้ปลายนิ้วสัมผัส ที่แก้มนวลของเธอนั่น ก่อนที่จะก้มลงจุมพิตริมฝีปากบางของเธออย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน จากนั้นอารมณ์อันคุกรุ่นของคนสองคนจะกระเจิดกระเจิง ราวกับพายุที่พัดผ่านเข้ามาอย่างรุนแรงและพร้อมจะพัดพาทุกสิ่งให้พัดพลิ้วไปตามแรงของลมนั่น
แน่ล่ะ…เวลานั้นเองที่ชานนท์โอบกอดร่างบอบบางที่สั่นไหวราวกับลูกนกของเธอเอาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพากันโน้มตัวแนบลงบนโซฟาตัวยาวกว้างๆ แสนนุ่มนั่น และเพียงแผ่นหลังของหญิงสาวกระทบพื้นผิวของโซฟา อารมณ์ปรารถนาที่ต่างซุกซ่อนเอาไว้ก็แทบจะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยไม่อาจรู้ได้ว่าจะพัดพาไปจบลงที่ใด
สายลมพัดพลิ้วไหวผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่าง…
ก่อนที่เทียนที่ถูกจุดไว้ด้วยฝีมือของชายหนุ่มจะมอดดับลง พร้อมกับน้ำตาเทียนที่หยดลงมาเป็นทาง ไม่ต่างไปจากหญิงสาวเลยสักนิด เวลานั้น…เธอได้แต่ร้องไห้เงียบๆ กับอ้อมแขนและท่อนขาหนาหนักของอีกฝ่ายที่แทบจะกอดและก่ายเธอเอาไว้ ใบหน้าของเขายามหลับไม่ต่างอะไรไปจากเด็กชายที่เล่นสนุกและเผลอหลับไปอย่างนั้น มีแต่เพียงเธอเท่านั้นที่ได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินลงมาเงียบๆ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ประเดประดังไปหมดทั้งความโกรธและความอาย ไม่เว้นแม้แต่ความขุ่นเคืองใจ
จะโทษใครได้นะแววเดือน ในเมื่อเธอเป็นคนเปิดประตูต้อนรับเขาเข้ามาเองแบบนี้ !
“ฝ้าย ผมหนาวจัง ผมคิดถึงคุณ !”
ดูเอาเถอะ แม้แต่ละเมอหาใครสักคน คนๆ นั้นยังไม่ใช่เธอสักนิด หญิงสาวเก็บกลืนความน้อยใจเอาไว้ในซอกลึกสุด ก่อนจะขยับท่อนขาและแขนของเขาออกไปให้พ้นตัว แต่ไม่วายหยิบผ้าห่มจากในตู้มาห่มคลุมให้เขา หากยังไม่ทันที่เธอจะขยับออกห่าง ชายหนุ่มก็แทบคว้าหญิงสาวเอาไว้ทั้งตัว
“แน่ะ แอบย่องเอาผ้ามาห่มให้ผม แล้วจะหนีไปไหน ผมจะบอกอะไรให้ ผ้าห่มน่ะ ไม่อุ่นเท่าตัวคุณหรอกนะ”
“คุณชานนท์ เอ้อ ปล่อยฉันเถอะค่ะ”
หญิงสาวพยายามดิ้นรนให้พ้นจากพันธนาการท่อนแขนที่รัดรึงร่างบอบบางของเธอเอาไว้แนบแน่นอย่างนั้น หากยิ่งดิ้นรนเท่าไหร่ อ้อมแขนของเขาก็แทบจะยิ่งรัดแน่นขึ้นเท่านั้น
“ทำไมต้องปล่อยด้วยล่ะ หรือว่า ผมไม่ได้ทำให้คุณมีความสุข”
“คุณนนท์คะ เก็บคำพูดแบบนี้ เอาไว้ไปถามคุณเนยแฟนคุณดีมั้ยคะ”
“คุณจะพูดถึงเนยอีกทำไม ในเมื่อทุกอย่างระหว่างผมกับเขา มันก็จบลงไปแล้ว”
“แน่ใจเหรอคะว่าจบ ฉันยังได้ยินคุณละเมอเพ้อหาเธออยู่เลย”
“ละเมอเพ้อหา นี่คุณหมายถึง เอ้อ ผมละเมอหาเนยงั้นเหรอ มันก็…คงเป็นเพราะเวลานั่นล่ะแวว เราคบกันมานานจะให้ลืมกันในวันเดียว มันคงเป็นไปไม่ได้”
“เพราะอย่างนั้นไงคะ ฉันถึงไม่อยากให้คุณมายุ่งกับฉัน เพราะระหว่างฉันกับจอร์ท เราก็ไม่ได้คบกันแค่วันสองวันเหมือนกัน”
“แวว…นี่คุณอย่าบอกนะว่าคุณก็ยังคิดถึงไอ้หน้าฝรั่งนั่น ทั้งๆ ที่เขาทำร้ายจิตใจคุณขนาดนี้ ดีจริงนายจอร์ทนี่ช่างเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดเลย มีแต่ผู้หญิงมารุมล้อมรุมรัก แต่อย่าฝันไปเลย ว่ามันจะได้ตัวคุณกลับไป ในเมื่อมันย่ำยีหัวใจผมก่อน ผมก็ไม่มีวันให้มันย่ำยีผมซ้ำสองแน่ แววเดือน”
เพราะความโมโหหรือแรงหึงหรือด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ยังไม่จางไปจากสายเลือดก็ตามที หากด้วยคำพูดประโยคนั้นที่พูดออกมาโดยไม่คิดของบอสหนุ่ม ก็ทำให้หญิงสาวแอบปาดน้ำตาทิ้งด้วยความรู้สึกสับนระคนเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก
ขอบคุณภาพจาก : bdcbethebest
(โปรดติดตามตอนต่อไป)