เรื่องสั้น…รักพลิกล็อค / รินษรา บทที่…5

(ต่อจากตอนที่แล้ว..)

หลังเติมน้ำมันเรียบร้อย

เนยขับรถพาตัวเองเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เพื่อหาซื้อเครสไอแพดที่ถูกใจที่สุดใหม่ ขณะที่ก้มๆ เงยๆ เลือกซื้อของอยู่นั่นล่ะ ที่เสียงเคยคุ้นของใครบางคนทำให้เธออดที่จะเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้

นั่นพี่ฝ้ายของพี่นนท์นี่นา มากับใครกันล่ะ มาดธุรกิจเป๊ะมาก แถมยังหล่อเหลาเอาการแบบลูกครึ่งเสียด้วยสิ

ได้แต่บอกตัวเอง ก่อนก้มหน้าก้มตาเลือกต่อ แถมขยับตัวเดินห่างออกไปหน่อย เพราะไม่อยากให้ฝ่ายนั้นได้เห็นนั่นล่ะ

“นี่อย่าบอกนะคะคุณจัตวา ที่ปลุกฉันมาจากเตียงเพื่อมาหาซื้อไอแพดเนี่ยนะคะ”

“ถูกต้องครับ ที่บริษัทผม ถ้าจะรับเลขาก็ควรมีสวัสดิการดีๆ ใช่มั้ย ผมเลยอยากเริ่มต้นที่เครื่องใช้สำนักงานดีๆ นอกจากไอแพดแล้ว คุณฝ้ายต้องการอะไรอีก ก็แจ้งผมได้เลยนะ”

“คุณนี่เป็นบอสหนุ่มไฟแรงจริงๆ เลยนะคะ ฉันยังไม่ได้เขียนใบสมัคร ก็รับฉันเข้าทำงานซะแล้ว ถามจริงๆ ไม่กลัวฉันเป็นพวกสิบแปดมงกุฏบ้างเหรอคะ”

“ถ้าคุณเป็นพวกสิบแปดมงกุฏจริง เมื่อคืนนี้ คุณคงไม่ปล่อยผมกลับออกมาจากห้องคุณหรอกมั้ง ผมเข้าใจถูกใช่มั้ยครับฝ้าย”

ประโยคล้อเลียนนั่นของชายหนุ่มแทบทำให้เนยเองถึงกับอ้าปากค้างด้วยความคาดไม่ถึง โอ…ไม่ธรรมดานะนั่น ไปหากันถึงห้องหับได้ด้วย  สงสัยงานนี้พี่นนท์จะโดนเขี่ยจริงๆ เสียก็ไม่รู้ !

“ถูกไม่ถูกไม่รู้ด้วยแล้วค่ะ แต่คุณน่ะ จะพูดอะไรระวังหน่อยนะคะ ฉันเป็นผู้หญิงนะ ใครได้ยินเข้าฉันเป็นฝ่ายเสียหาย ไม่ใช่คุณ”

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้เจตนาเลยสักนิด เอาอย่างนี้ เดี๋ยวซื้อของเสร็จ ผมพาคุณไปเลี้ยงข้าวเป็นการขอโทษ ดีมั้ย”

“โอ.เค.ตามนั้นเลยค่ะ แต่บอกไว้ก่อนนะ ว่าฉันกินจุ”

“จุแค่ไหน ผมก็มีเงินจ่ายน่า”

“โทษทีค่ะ ลืมไปว่าคุณน่ะบอสใหญ่ ระดับทายาทเจ้าของบริษัททีเดียว”

ทายาทเจ้าของบริษัท แม่เจ้า ! พี่ชายเรา กลายเป็นมดตัวน้อยตัวนิดไปแล้วจริงๆ …

เนยบ่นกับตัวเองในใจ ขณะที่ตัวเองยังไม่ได้ของที่ต้องการเป็นชิ้นเป็นอันสักนิด แต่สองหนุ่มสาวนั่นกลับจ่ายเงินเรียบร้อยและเดินห่างออกไปจากจุดที่เธอยืนอยู่แล้ว

เอาล่ะสิ ! ตกลง ควรจะรูดซิปปากตัวเองอีกเรื่องมั้ยล่ะเนี่ย !

…………………

อาหารกำลังออกรส…

หากเสียงโทรศัพท์ที่แทบจะดังขึ้นพร้อมๆ กันสองสายนั่น ทำให้ทั้งจัตวาและฝ้ายแทบจะหันมามองหน้ากัน ก่อนจะก้มลงมองชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอโทรศัพท์นั่น และดูเหมือนชายหนุ่มนั่นล่ะที่จะเป็นฝ่ายยกโทรศัพท์ขึ้นมาก่อน แต่เป็นการกดปิดไปหน้าตาเฉย

“ผมไม่ชอบรับโทรศัพท์เวลาทานอาหารน่ะครับฝ้าย”

“เอ้อ ค่ะ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย เพราะฉันก็คงไม่ต่างหากจากคุณหรอก”

พูดจบเธอก็กดปิดโทรศัพท์บ้าง โดยไม่รู้เลยว่าเวลานั้น ทั้งสองหนุ่มสาวจากทางปลายสายนั่น ต่างหันมามองหน้ากันโดยไม่ตั้งใจ

“เอ้อ…คือ ฉันกลับก่อนนะคะคุณชานนท์”

“ครับ ว่าแต่ แฟนคุณเจ้าของรถสปอร์ตหรูนั่นไม่มารับเหรอครับ”

“โทร.ไม่ติดน่ะค่ะ”

หญิงสาวบอกกับเขาขณะหมุนโทรศัพท์มือถือในมือไปมา

“แล้วคุณล่ะคะ ไม่รีบไปรับแฟนเหรอ”

“รับแฟนอะไรครับ ผมไม่เคยต้องไปรับหรอก ปกติเธอจะเข้ามานั่งเล่นที่นี่บ่อยๆ น่ะ แต่ระยะนี้อาจจะวุ่นๆ อยู่มั้ง เลยไม่ได้เข้ามา โทร.ไปก็ ไม่ติดเหมือนกัน”

“อ้อ…ค่ะ ถ้างั้น ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันกลับบ้านก่อนดีกว่า เดี๋ยวแม่จะรอน่ะค่ะ”

“เดี๋ยวสิครับ ช่วยผมปิดออฟฟิศก่อนดีมั้ย พวกหนุ่มๆ ก็กลับกันไปหมดแล้ว  ส่วนคุณ เดี๋ยวกลับรถผมเถอะ”

“อย่าดีกว่าค่ะ ฉันเกรงใจ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกคุณ ยังไงซะ ผมก็ต้องขับผ่านบ้านคุณเพื่อกลับบ้านอยู่ดี”

เขาบอกกับเธออย่างนั้น ให้หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธได้ นอกจากช่วยเขาปิดออฟฟิศจนเสร็จเรียบร้อยแล้วนั่นล่ะ ถึงได้กลับบ้านพร้อมกันไปด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป

เออนะ…ดูราวกับว่า โลกวันนี้เงียบเหงาบอกไม่ถูกเอาซะเลยสิน่า !

…………….

“ขอบคุณมากนะคะ คุณชานนท์ จะแวะลงมาดื่มกาแฟหน่อยมั้ยคะ”

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับคุณแวว เอาไว้ ผมมาฝากท้องมื้อเที่ยงกับแม่อีกดีกว่า”

“แน่ะ ติดใจแล้วสิคะ ไว้ฉันจะบอกแม่ให้นะ ขับรถดีๆ นะคะ”

“ครับ…”

เขาโบกมือตอบรับหญิงสาวก่อนจะเลื่อนรถออกไปช้าๆ จากหน้าบ้านของแววเดือน โดยไม่แวะเวียนที่ไหนเลย เพราะรู้สึกเหนื่อยใจอย่างบอกไม่ถูก และเพียงก้าวเข้าบ้านอย่างระโหยโรยแรง เสียงของน้องสาวตัวแสบก็แทบจะดังขึ้นก่อน

“ไงคะ คุณพี่ชาย วันนี้สอนหนักไปรึเปล่า หมดเรี่ยวหมดแรงกลับมาเชียว”

“ไม่ต้องมาล้อเลียนเลยยายเนย ที่พี่หมดแรงก็เพราะเงินเทหมดกระเป๋าให้เรานั่นล่ะ”

“แน่ะ มาลงที่น้องอีกต่างหาก แต่เนยว่าไม่ใช่แน่ๆ หน้าตาแบบนี้ เหมือนคนอกหัก เอ๊ หรือว่า คนจะโดนทิ้ง…”

เริ่มลามปามร้องเป็นเพลงซะงั้น ในเวลาที่ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใกล้ๆ กับน้อง สาวนั่น

“นั่นสิ โดนทิ้งซะบ้างก็ดีเหมือนกันนะ พี่เป็นฝ่ายทอดทิ้งไม่เอาใจใส่ดูแลเขานานแล้ว”

“อ้าว ซะงั้น พี่นนท์ เป็นไรมากเปล่า มีอะไรปรึกษาน้องได้นะ”

“ขอบใจ แต่คนไม่เคยมีความรักอย่างเรา คงไม่เข้าใจหรอก”

“ใครว่า เนยอาจจะเข้าใจพี่นนท์ดีกว่าใครด้วยซ้ำ จริงๆ นะ เพราะเนยเห็นมากับตา”

“เห็นมากับตา เห็นอะไร !”

เอาแล้วไง เพราะพี่ชายทำหน้าทำตาน่าสงสารแท้ๆ ทีเดียว ที่ทำให้เธอหลุดปากออกไปแบบนั้น

“เห็นความจริงบนโลกใบนี้ไงคะ”

“ไม่ต้องมาโกหกพี่เลย เราไปรู้ไปเห็นอะไรมาก็บอกพี่มาตรงๆ คนอย่างพี่ เป็นลูกผู้ชายอก สามศอก พี่ยอมรับความจริงทุกอย่างได้”

ชายหนุ่มยืดอกด้วยรอยยิ้ม ให้น้องสาวของเขาได้แต่ลอบถอนใจก่อนเล่าเรื่องที่ได้ยินและเห็นมากับตาในห้างสรรพสินค้าหรูนั่นให้เขาฟัง

“มิน่าล่ะ”

“มิน่าอะไรเหรอคะพี่นนท์”

“เขาตัดสายพี่ทิ้งนะ โทร.กลับไปอีกก็ปิดเครื่องไปแล้ว”

“ชัดเลย แบบนี้พี่ฝ้ายคงยังอยู่กับนายหน้าฝรั่งนั่นแน่ๆ”

“หน้าฝรั่ง นี่ทิ้งพี่ไปคบกับฝรั่งเลยเหรอ”

“ก็ไม่ถึงกับฝรั่งจ๋าหรอกพี่นนท์ แค่ลูกครึ่งน่ะ ไม่เอาน่าพี่นนท์  สัญญาแล้วไงว่าถ้าเค้าเล่าให้ฟังแล้วจะไม่โซแซดแบบนี้”

“แล้วพี่เศร้าตรงไหนล่ะ ของแบบนี้ ถ้าใช่มันก็จะอยู่กับเรา ถ้าไม่ใช่ วันหนึ่งก็ต้องจากไปอยู่ดีแหละน้องเอ๊ย”

“คิดได้อย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะพี่เอ๊ย ไป…เราตามกลิ่นอาหารมื้อเย็นของแม่ไปในครัวกันดีกว่า กินให้มันลืมโลกไปเลยพี่นนท์”

พูดจบเด็กสาวก็แทบจะฉุดรั้งพี่ชายเข้าไปในห้องครัวรวดเร็ว

 “อ้าว ตานนท์ กลับมาแล้วเหรอลูก มาๆ ทานข้าวกัน วันนี้คุณพ่อมีสัมมนาน่ะ เราทานข้าวกันสามคนนะ”

“สามคนกับอีกหนึ่งตัวต่างหากล่ะแม่ โน่น เห็นเปล่า ไอ้บุ๋นมันนั่งลิ้นห้อย น้ำลายไหลย้อยหยดแหมะๆ รอแล้ว”

คราวนี้ทั้งแม่และลูกแทบจะประสานเสียงหัวเราะสดใสออกมาพร้อมกัน จริงอย่างที่เนยว่านั่นล่ะ กินให้มันลืมโลกไปเลยดีกว่า !

………………

“พี่นนท์ พรุ่งนี้เช้าให้เนยไปทำงานด้วยคนนะ”

หลังอาหารค่ำเรียบร้อยผ่านพ้น ระหว่างเด็กสาวก้าวตามพี่ชายไป สู่ห้องนอนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เธอก็อดที่จะเอ่ยประโยคนั้นออกมาไม่ได้ หลังครุ่นคิดคำนวณมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ทำไม ร้องตามเป็นเด็กๆ ไปได้นี่”

“ก็ เบื่อๆ น่ะ อยากไปช่วยงานพี่นนท์บ้าง ระหว่างรอมหาลัยเปิด”

แท้จริงแล้ว เด็กสาวห่วงพี่ชายเสียล่ะมากกว่า

“เอาสิ ตามใจเรา พี่ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

“พี่ชายใครน้า น่ารักที่สุดเลย”

แล้วเนยก็แทบจะโดดหอมแก้มพี่ชายเบาๆ ก่อนผลุบหายเข้าห้อง อันเป็นโลกส่วนตัวของตัวเองไป

………………..

ค่ำคืนที่ดาวพร่างฟ้า…

กับความว้าวุ่นใจสารพัดของหญิงสาวอย่างแววเดือน กับความผิดปกติของจอร์ทนั่น เคยซะที่ไหนที่เขาจะตัดสายทิ้ง แถมยังไม่โทร.กลับอีกต่างหาก ใจคอจะปิดโทรศัพท์ไปจนถึงรุ่งเช้าเลยหรือยังไงกันนะ เหมือนจะเป็นคำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบ และมันก็เป็นเช่นนั้นจนถึงรุ่งเช้าที่เพียงเธอแต่งตัวลงมาที่โต๊ะอาหาร เสียงของแม่ก็แทบจะดังขึ้นก่อน

“สายรึเปล่าลูกวันนี้ จอร์ทเขามารอหนูนานแล้วนะ”

คนที่มารอ แทบจะลดหนังสือพิมพ์ที่อ่านอยู่ในมือนั่นลง ขณะที่หญิงสาวได้แต่เลิกคิ้วสูงประหลาดใจ

“ทำไมไม่โทร.มาก่อนละคะ เมื่อวานฉันโทร.หาคุณก็ปิดเครื่อง”

“ผมติดประชุมน่ะ ขอโทษจริงๆ นี่ผมตั้งใจมารับคุณไปส่งที่ทำงานเป็นการขอโทษเลยนะ”

“ขอบคุณนะจอร์ท แต่จริงๆ ก็ไม่จำเป็นหรอก ฉันไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่าไร้เหตุผล”

“ไม่เอาน่าคุณ เราจะมาทะเลาะกันทำไม ไปกันเถอะ เดี๋ยวผมพาไปหาอะไรทานก่อนเข้างานด้วยก็ได้”

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่คุณมารับฉันไปส่งถึงที่ทำงานก็เป็นพระคุณที่สุดแล้วล่ะ”

แววเดือนตัดบทก่อนยกแก้วกาแฟที่แม่ชงไว้ให้ดื่มก่อนร่ำลาแม่แล้วเธอก็ก้าวออกไปพร้อมๆ กับเขา ต่างคนต่างนิ่งเงียบกันไปนานแสนนานภายในรถ จนเธอนึกอะไรขึ้นมาได้ก็เมื่อบังเอิญล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วพบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งนั่นล่ะ

“อ้อ เกือบลืมแน่ะค่ะจอร์ท เมื่อวานแม่เก็บผ้าเช็ดหน้าที่หล่นจากรถคุณได้น่ะ แม่ยืนยันว่าเป็นของคุณ”

แล้วหญิงสาวก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าส่งให้กับเขา ให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงนิดหนึ่งด้วยความประ หลาดใจ ก่อนลำดับเหตุการณ์แล้วพอจะนึกได้ว่า ฝ้ายใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เช็ดหน้าในวันนั้น

“อ้อ เอ้อ…สงสัยจะเป็นของเพื่อนผมน่ะ แววก็รู้ว่าผมไม่พกผ้าเช็ดหน้า”

“ก็เเพราะรู้ไงคะ ถึงต้องเอามาถาม แต่ลายแบบนี้ น่าจะเป็นของเพื่อนผู้หญิงแน่ๆ”

หญิงสาวหยั่งเชิง ขณะที่ชายหนุ่มเริ่มเหงื่อตก อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้จะต่อประโยคนั้นของเธออย่างไรดี

“ปกติ นอกจากจอร์ทไม่พกผ้าเช็ดหน้าแล้ว จอร์ทยังไม่เคยโกหกอะไรแววด้วยนะ เพราะ ฉะนั้น ถ้าเมื่อใดที่จอร์ทเริ่มไม่พูดความจริงกับแวว แสดงว่า น่าจะมีอะไรพิเศษ”

“ไม่มีอะไรหรอกแวว คิดมากไปได้น่า เอางี้ดีมั้ย เย็นนี้ผมมารับ แล้วเราไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันก่อนกลับบ้าน นะครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยปากชวน ขณะที่รถปราดเข้าไปจอดหน้าลานจอดพร้อมๆ กับรถอีกคันหนึ่งพอดี ให้แววเดือนก้าวลงไปจากรถโดยที่ยังไม่ได้ตอบรับคำเอ่ยปากชวนของเขาสักนิด !

ตอน ที่่ 1ตอน ที่่ 2ตอน ที่่ 3
ตอน ที่่ 4 (ตอน ที่่ 5 )

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

ขอบคุณภาพประกอบ : Imagine_Images