INTERVIEW
ช่างสักคิ้วสาว ตำแหน่งทูตศิลปะ Anasia studio
เรื่องราวของช่างสักคิ้วคนเก่ง “พิม พิมพ์ปภัสส์ ธูปบรรดิษฐ” ที่เริ่มต้นจากการนับหนึ่ง สร้างสมประสบการณ์ จนมาถึงวันนี้ ที่ทำให้เธอได้รับตำแหน่งทูตศิลปะ แขนงสักคิ้ว ส่วนความเป็นมา เรื่องราวกว่าจะถึงวันนี้ของชีวิตที่ประสบความสำเร็จ ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เป็นอย่างไร ไปฟังเรื่องราวของเธอกัน !
“ถ้าพูดถึงจุดเริ่มต้น ก่อนหน้านั้น พิมเคยทำงานเป็นพนักงานรีเซฟชั่นโรงแรม แต่โดนไล่ออก ในราว 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็เกิดขึ้นจากอารมณ์ล้วนๆ เลย เป็นพนักงานต้อนรับที่เป็นงานที่เราชอบ แต่อารมณ์ร้อน พอออกจากรีเซฟชั่นตรอกข้าวสาร ก็มาเป็นรีเซฟชั่น พนักงานต้อนรับในเรือ ทำได้ 2-3 ปีก็โดนไล่ออก ไปทะเลาะกับแขก เพราะแขกขโมยรูปที่เราขายไป ซึ่งเขาไม่ยอมรับ ไปฟ้องเอเจนซี่ ซึ่งเจ้าของเรือเขาเลือกลูกค้า ก็เลยไล่เราออก จากนั้นก็มาสมัครเป็นพนักงานนวดหน้า ก็โดนไล่ออกอีก เพราะเพื่อนร่วมงานไปฟ้องเจ้าของคลินิกว่าเรากาก แต่จริงๆ เขาไม่ทำงานกันเอง ทั้งที่เป็นเด็กเก่ากว่า คราวนี้ก็เริ่มเคว้ง เข้าสู่หมวดคิ้ว ก็ถามแฟนว่าจะให้เราไปทางไหนดี ระหว่างนวดหน้าอีกที่หนึ่ง กับแว๊กคิ้วของอนาตาเซีย เขาก็แนะนำให้ไปทางงานแว๊กคิ้ว ไปอยู่ตรงนั้น ฝึกค่อนข้างหนัก เราก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยนด้านอารมณ์
พอฝึกแล้วก็ได้ย้ายไปอยู่เซ็นทรัลลาดพร้าว เจอน้องๆ ที่สังคมสูงๆ ติดพวกแบรนด์เนม เราไม่อยากมีปัญหากับใครก็อยู่เงียบๆ ไม่ใช้อารมณ์ จนวันหนึ่งมีพี่คนหนึ่ง ที่อยู่หอเดียวกัน เขาบอกมีรุ่นพี่ที่ทำงานถูกซื้อตัวไปอยู่ออนซีซั่น เป็นพนักงานของอนาตาเซียนี่ล่ะ ตอนนั้นเราก็อัตคัดมาก ยังไม่มีอะไรเลย อยู่ห้องเช่าธรรมดาๆ เขาก็เลยเสนองานมาว่าจะลองเปลี่ยนงานมั้ย เราก็ฟังเขาเล่าไป ก็นึกว่า เขาได้อยู่คอนโดเดือนละ 4-5 หมื่น ซึ่งก็เยอะสำหรับเราในสิบปีที่แล้ว เราขยันแค่ไหนเราก็ได้ 27000 เราก็อยากทำอะไรที่ได้เงินขึ้นมาวันละสามหมื่นสี่หมื่นบ้าง ก็ตัดสินใจแอบไปเรียนสักคิ้ว เพราะตอนนั้นเราอยู่ในโหมดแว๊กคิ้ว ตอนนั้นไม่มีเงินเรียนด้วยนะ แฟนที่เพิ่งเริ่มคบกัน เราก็ตัดสินใจยืมบัตรเครดิตเขา เขาก็อึ้งๆ ว่าเพิ่งเริ่มคบ แต่กล้ายืม แต่เราก็เพื่ออนาคต ก็ไปเรียนสักคิ้วจนจบคอร์สมาได้นะคะ”
หลังจากนั้นออกจากงานแว๊กคิ้วเลยมั้ยคะ
“ตอนแรกก็ยังไม่ได้ออกค่ะ ยังทำงานที่เดิมอยู่ แต่ก็ออกมารับจ๊อบบ้าง หาลูกค้าข้างนอก ได้บ้างไม่ได้บ้าง จนวันหนึ่งเราเข้าไลน์กลุ่มนักเรียน เราก็ได้เจอพี่ๆ ชวนไปลงหุ้นกัน เหมือนเป็นหุ้นลม เพราะเรายังไม่มีเงินพอที่จะลง แต่เวลามีปันผลอะไรมา เราก็ได้ เป็นการลงแรงทำงานสักคิ้วไป จนตอนหลังเขายื่นข้อเสนอมาว่า ถ้ามีโอกาสแล้วเราไม่ออกมาจากที่เดิม ก็ไม่ได้แล้วนะ เขายื่นข้อเสนอให้เดือนละ 30000 บาท เราก็คิด ถ้าอยู่ที่เดิมได้ 27000 ออกมาก็ได้ 30000 ก็เอานะ ออกก็ออก แต่ที่เดิมค่อนข้างมั่นคง เราไม่ต้องหาลูกค้า มีแต่ลูกค้ามาหาเรา แต่เราออกมาปุ๊บ เราต้องวิ่งหาลูกค้า เหมือนไม่มีอะไร แล้วเงินเดือนเราก็โดนผ่อนจ่าย ตอนนั้นก็มีความเครียดสูงอยู่ ทำงานอยู่ที่ห้วยขวาง
รัชดา เข้างานตั้งแต่สิบโมงถึงหกโมงเย็น แล้วมีหกโมงเย็นถึงตี่สี่ อันนี้สาขาแรก ตอนหลังไปเปิดอีกที่หนึ่ง ปากเกร็ด เราก็ลงเก้าโมงเช้าถึงหกโมงเย็น แล้วก็ไปต่อที่ห้วยขวางอีกจนถึงตี 4 ถามว่าไหวมั้ยก็ต้องไหว มันไม่หนัก แต่แค่อดนอน แล้วก็อาศัยนอนในรถตู้ ทำไปก็ยังไม่เห็นเงินเต็มที่อะไร แต่เรามีรายจ่าย มีภาระ เราแทบร้องไห้ทุกวันเลย ต้องรอรถเมล์ฟรีมา ช่วงนั้นสุดๆ มาก จากช่วงอยู่อนาตาเซีย เงินยังไม่ออก เรายังต้องเดินจากเซ็นทรัลลาดพร้าวกลับที่พักซอยเหสือใหญ่ เราไม่ชอบยืมเงินใคร ก็เดินไปเรื่อยๆ จำได้ มีแสตมป์เซเว่นก็ซื้อของกินอะไรไป ช่วงนั้นเก็บกดมาก ไม่คบใครไม่สังคมใครเลย จนมาเจองานทำคิ้ว จนมาเจอเพื่อนคนหนึ่งมาชวนเรา เปิดร้านกันมั้ย จะได้มีอะไรเป็นของตัวเอง ตอนนั้นก็ยังไม่มีเงินลงทุนนะ แต่เพื่อนก็อยากเปิดด้วย ใช้วิธีให้เพื่อนออกตังค์ไปก่อน สิ้นเดือนก็คืน แต่จังหวะโชคดี ไปทำให้คนหนึ่ง เขาค่อนข้างถูกใจ เขามีเครือข่ายนูสกิน เขาก็มีฐานลูกค้า ก็
ช่วยหาลูกค้าได้ เดือนแรกได้มา 100 คน ก็หมื่นห้าละ มันก็คือคืนทุนเลย โดยที่เราไม่ต้องควักเนื้อให้เพื่อน แล้วก็จ่ายทางบ้านได้ เราค่อนข้างหายใจคล่องขึ้น ตอนนั้นมีลูก ก็ตัดลูก ตัดพ่อแม่ออก บล็อกเบอร์เลย เราต้องการอยู่คนเดียวก่อน ต้องยืนด้วยตัวเองให้ได้ จนวันหนึ่งทำซอยสามัคคี ปากเกร็ด ห้วยขวาง ทำพร้อมกันสามที่ พอห้วยขวางไม่ไหว ก็ค่อยๆ เฟสตัวออกมา เหลือที่สามัคคีที่เดียวอยู่กับเพื่อน จนค่อยๆ ดีอยู่เรื่อยๆ จนปัจจุบัน เริ่มมั่นคง รายได้ค่อนข้างสูง เพราะเราเริ่มไปรับงานลูกค้าต่างประเทศได้ละ”
การรับงานลูกค้าต่างประเทศ เป็นยังไงบ้างคะ
“ค่อนข้างดีค่ะ จากที่ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ตอนนี้สามารถซื้อบ้านสิบล้านได้ ซื้อรถได้ ถือว่าประสบความสำเร็จสูงอยู่ ลูกค้าให้การตอบรับดี และเมตตาเราค่อนข้างเยอะ อาชีพเราคือสักคิ้วโดยตรง แขนงเดียว จากที่หุ้นกับเพื่อน แล้วเฟสมาทำเอง คือตอนนั้นเราเช่าตึกอยู่ข้างนอกกัน แต่มาเจอช่วงโควิด แล้วเราซื้อบ้านด้วย รายได้ก็แบ่งครึ่ง เราก็เริ่มไม่ไหว เราเริ่มติดต่อพ่อแม่ ภาระเริ่มเข้า ก็เลยขอเพื่อนเข้าไปทำในบ้าน โควิดเข้ามาก็สั่งปิดทุกอย่าง เพื่อนก็เลยเฟสตัวออกไปเองเพราะเขาก็ไม่อยากทำในบ้านเรา
เราเองก็ท้องด้วย ปัญหาส่วนตัวด้วย เราคิดขนาดจะเอาลูกออกเลยนะ มันประดังกันหมด ห้าชีวิตรวมลูกด้วย มีปัญหากับแฟนอีก แต่รุ่นพี่ที่รู้จักก็บอกอย่าเอาออกเลย เราก็บอกลูกในท้องว่า ถ้าแม่เก็บหนูเอาไว้ ก็ขอให้ลูกค้าเมตตากับเรา มีงานเข้ามา ให้เขาเกิดมามาครบทุกอย่าง หน้าตามาพร้อม ซึ่งมาครบจริงๆ หน้าตามาสวยเลย ผิดพ่อผิดแม่มาก แล้วงานก็เข้ามา เหมือนฟื้นเลย ค่อยๆ ดีขึ้น ช่วงโควิดมีลูกค้ากระท่อนกระแท่น ก็ได้ห้าหกหมื่น เคยสักครั้งหนึ่ง สักอย่างเดียวได้ล้านหนึ่ง คนติดตามเป็นแสน
มันไม่น่าเชื่อ เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่เราไม่ได้ไปสายแข่งขันอะไร เรามีแต่ลูกค้าๆ ทำงานหนักเพื่อให้อยู่รอดได้ และประสบความสำเร็จในจุดที่เราพอใจอยู่”
ไม่ได้ไปทางสายการแข่งขัน แต่พัฒนางานไปเรื่อยๆ ประมาณนี้
“ใช่ค่ะ เราไม่สรรหาที่แข่ง แต่หาที่เรียนเพื่อพัฒนาฝีมือเราไป พัฒนาตัวเองตลอด ล่าสุดก็เรียนที่เกาหลี แล้วก็เป็นตัวแทนไปแข่งระดับโลกที่ฝรั่งเศส คนแข่งค่อนข้างเยอะ เราได้ที่ 8 คือเราไม่ได้นางแบบสวยเท่าเขา การแข่งขันแบบนี้เราเลือกองค์ประกอบรวม เราก็รู้ว่าแพ้แน่ แต่เราก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ตอนนี้ก็ได้แต่งตั้งเป็นทูตศิลปะ แขนงช่างสักคิ้วด้วยค่ะ ก็เป็นความภุมิใจเลย”
ตำแหน่งตรงนี้เราต้องทำอะไรบ้างคะ
“ตรงนี้ เวลามีแข่งก็จะเข้าไปร่วมเทรนด์กับสมาชิกที่แข่ง งานวันที่ 31 มกราคมนี้ก็จัดที่ไอคอนสยาม เราก็มีขึ้นโชว์ด้วย แต่เราไม่ค่อยชอบขึ้นเวที ไม่ชอบแสง ก็ขอตัวให้แฟนขึ้นแทน ส่วนแฟนเราก็พักหลังเขามาช่วยเราก็งานล้นมือมาก แล้วเราทำคนเดียว ออกจากงานด้วย ก็เลยมาช่วยทำ”
ตอนนี้ยังเปิดร้านสักคิ้วที่บ้าน
“ใช่ค่ะ เปิดอยู่ที่บ้าน แต่ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน ขอแค่หน้าเพจเราแข็งแรง เราก็จะตามไปถึงบ้านได้เลย งานเราจะไปถึงต่างประเทศ ในประเทศ คืองานค่อนข้างเยอะมาก ธุรกิจตอนนี้จะเป็นแบบนี้ แล้วช่างสักคิ้ว สามารถหิ้วกระเป๋าไปตรงไหนก็ได้ กับฝีมือของเราเท่านั้น”
ความฝันนอกจากนี้ อยากเป็นอาจารย์สอนด้วยมั้ย
“ก็เป็นอาจารย์ด้วย แต่ไม่ค่อยได้สอน เพราะรายได้สอนจะน้อยกว่ารายได้สัก แล้วเราก็ต้องเอาเวลาไปอยู่กับเขาค่อนข้างนาน เราก็ไม่ค่อยมีเวลาเต็มที่ให้เขามาก ถ้ามีผู้ช่วยก็จะเปิดสอน ถ้าไม่มีผู้ช่วยก็ไม่ได้เปิดนะ ก็จะค่อนข้างเลือกนักเรียนที่อยากเรียนสายงานนี้จริงๆ หรือเข้าถึงตัวตนเราได้ด้วย”
สไตล์สักคิ้วที่โดดเด่นของเรา
“เป็นงานสักประเภทสีฝุ่นค่ะ หรืองาน Shading Powder เสมือนการเขียนคิ้วเบาๆ จะถนัดที่สุด แล้วก็โดดเด่นเรื่องทรงคิ้ว ส่วนราคาที่เราไม่มีหน้าร้าน จะอยู่ที่ร้าน 4000-4500 ค่ะ ถ้าไปต่างประเทศก็ประมาณหนึ่งหมื่น ถึงหมื่นสองต่อราย อยู่ที่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูงหรือเปล่า ซึ่งในต่างประเทศ เป็นตัวเลขอาจจะไม่เยอะ แต่เราได้ประสบการณ์ค่อนข้างเยเรามีโอกาสได้ไป เราก็ทำไปก่อน”
สิ่งที่อยากฝากไว้…
“อยากฝากให้คิดว่า ถ้าใครมีปัญหา แค่อย่าคิดว่าปัญหาใหญ่หรือเล็ก ขอให้พุ่งตรงไปที่เป้าหมายที่ชัดเจนก่อน ถ้าเรามีเป้าหมาย มีความชัดเจน ยังไงมันก็สำเร็จ ถ้าคิดแล้วไม่ทำมันก็ไม่มีประโยชน์ เหมือนพิมเคยมีเพื่อนคนหนึ่ง คือชอบพูดว่า ทำไม่ได้ คำนี้พิมไม่เคยพูดนะ ไม่ว่าเราจะได้โอกาสอะไรมา ไม่เคยปฏิเสธด้วยคำว่าไม่ได้ คือขอให้ทำก่อน ทำทุกๆ งานที่เราไม่เคยทำ แล้วเราก็จะรู้ว่าเราทำได้หรือไม่ได้ เรา