ดเปลี่ยนบนเส้นทางชีวิต..อาจารย์นิด เกรียงไกร เม่นคล้าย
จุดเปลี่ยนบนเส้นทางชีวิตน่าทึ่งของช่างผมชื่อดังเมืองอยุธยา….อาจารย์นิด เกรียงไกร เม่นคล้าย
Profile
ชื่อ นายเกรียงไกร เม่นคล้าย
เกิด 13 กันยายน 2516
ชื่อร้าน ร้าน หายห่วงบาร์เบอร์ตั้งอยู่ที่ 32/70 หมู่ 9 ตำบลอุทัย อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ภูมิลำเนา เป็นคนอยุธยาโดยกำเนิด
งานอดิเรก จับปลา, ทำอาหาร, ขับมอเตอร์ไซค์เที่ยว
คติประจำใจ ขี้ปากมนุษย์ พูดให้คุณดี ก็ได้ พูดให้คุณร้าย ก็ได้ จงทำตัวคุณให้มีความสุข และอย่าไปใส่ใจ ขี้ปากของคน
เริ่มต้นแนวคิดในการเป็นช่างผมของอาจารย์
“จริงๆ แล้ว ผมทำงานมาหลายอย่างมาก แต่เรื่องการทำผม คือเป็นงานที่รักจะทำ คือชอบ ก็ไปคอยดูเขาว่า เวลาตัดผมเขาทำกันยังไง แล้วเราก็มาหัดทำดูบ้าง จนพอทำได้ ก็จะชอบพกพวกอุปกรณ์ตัดผมไว้กับตัวตลอด ไม่ว่าจะไปทำงานอะไรที่ไหน ก็จะชอบไปตัดผมให้คนอื่น เพื่อเราจะได้มีความรู้ตรงนี้แน่นๆขึ้น”
ที่บอกว่า เรียนรู้เหมือนครูพักลักจำ แล้วในชีวิตจริงอาจารย์จบอะไรมาคะ
“ผมจบวิศวะนะ ก็เคยทำงานมาหลายอย่างมากอย่างที่บอก แต่งานที่ผมทำอยู่นานสุด ก็คือทำงานในเรือ ซึงการทำงานในเรือ จะเป็นงานที่เหมาะกับชีวิตคนโสด เพราะเราจะไม่แทบไม่มีเวลาให้คนที่เรารักเลย ตลอดเวลาหลายๆ เดือน เราก็จะอยู่แต่บนเรือ ใช้ชีวิตอยู่ในนั้น แล้วก็เก็บเงินๆ ส่งมาทางบ้านอย่างเดียว แต่ถามว่าเงินดีมั้ย ก็คือเงินดีเลย แต่มันอาจจะมีจุดเปลี่ยนชีวิตของคนเราเกิดขึ้นได้ตลอดนะ”
จุดเปลี่ยนที่ว่านี่คืออะไรคะ
“ก็คือ ชีวิตช่วงหนึ่ง ผมตั้งใจจะโทร.หาน้องสาวที่เขาเปิดร้านทำผมอยู่ที่อยุธยาบ้านเกิดนี่ล่ะ แต่ผมโทร.ผิด ไปติดเบอร์ผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร หน้าตาก็ไม่เคยเห็น แต่เหมือนเราคุยกันถูกคอ ก็มีเรืองให้พูดคุยกันไปเรื่อย คุยกันอยู่นานครับ เกือบๆ หกเดือนเห็นจะได้ ก็ในราวครึ่งปีเนอะ ผมก็เลยตัดสินใจว่า คนนี้แหละ ที่ผมพร้อมจะใช้ชีวิตด้วยแล้ว ผมก็ตัดสินใจมาเจอกันดีกว่า ก็ลงจากเรือเลยตอนนั้น เงินที่ได้มาจากการทำงานบนเรือก้อนสุดท้ายก็เกือบแสนนะ ราวๆ ห้าหกหมื่น ซึ่งในสมัยนั้น เมื่อสัก 20 ปีมาแล้ว มันก็ค่อนข้างเยอะอยู่”
หลังจากนั้นคืออาจารย์ก็ได้เริ่มจับงานทำผมที่ตัวเองรักเลยมั้ยคะ
“จริงๆ งานทำผม ก็เป็นอะไรที่เราเริ่มต้นปูทางมาดีส่วนหนึ่ง แต่ด้วยความที่เราไม่มีใบเบิกทาง ไปสมัครร้านไหน เขาก็ไม่รับนะ ตอนนั้น เราก็เลยคิดว่า เราไปเรียนดีกว่ามั้ย คือเรียนให้จบหลักสูตรเลย เพื่อให้ได้ใบประกาศมาใบหนึ่ง เราจะได้ไปทำงาน ประกอบอาชีพช่างผมได้ ผมก็ไปเรียนกับอาจารย์แม็คนะตอนนั้น เรียนจนจบ แล้วก็มาสมัครเป็นลูกจ้างในร้านทำผมร้านหนึ่ง ซึ่งสมัยนั้น ถ้าย้อนกลับไป มันก็จะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตผมอีกนั่นล่ะ เพราะบังเอิญว่า เถ้าแก่ร้านที่ เจ้าของเนี่ย เขาชอบเล่นหวย ซื้อหวย ส่วนเราก็ชอบเสี่ยงดวงอะไรแบบนี้”
เลขที่ได้จากการซื้อหวยของเรา
“ส่วนใหญ่มาจากรอบๆ ตัวเลย อย่างครั้งแรกเข้าไปทำร้านนี้ ผมก็เลือกซื้อเลขที่ร้าน เลขที่บ้านอะไรก็ว่าไป ด้วยความที่เราเชื่อเรื่องโชคลาง ไม่ว่าจะคิดจะทำอะไร เราก็จะไปเกี่ยวข้องกับเลขได้หมด ซึ่งหลังจากมาอยู่ร้านนี้ ก็เออ เล่นหวยเหรอ เล่นด้วยนะ ก็ซื้อกับเจ้าของร้านเลย ซื้อครั้งแรก ก็ถูกเลขสามตัวตรง ได้มาหลายหมื่น พอซื้อครั้งที่ 2 ก็ถูกอีก คือจะถูกมาเรื่อยๆ มากบ้าง น้อยมาก แต่ก็ถูกทุกงวด ถูกหวยบ้าง ถูกลอตเตอรี่บ้าง ประมาณนี้ จนเถ้าแก่เขาเริ่มเห็น บางทีก็อยากซื้อ เขาก็จะซื้อตามเรา ก็ถูกไปด้วยกัน แต่ด้วยความที่พอถูกก็เล่นเยอะขึ้นๆ หลังๆ ก็เริ่มมีที่ไม่ได้บ้าง ก็เริ่มมีหยิบยืมกัน บ่อยเข้าแกเริ่มไม่มีเงินเคลียร์ให้ ก็เลย เอางี้ ยกร้านให้สาขาหนึ่งนะ เราก็เอาไปบริหารเป็นเจ้าของทำเองเลย”
ตรงนี้คือเป็นโชคของเราจริงๆ
“ใช่ๆ เพราะจริงๆ แล้ว ก็มีหมอดูหลายสำนัก ทักอยู่ว่าเราจะได้เป็นเถ้าแก่นะ เราจะรวยนะ ต่อไปจะได้เป็นเจ้าของกิจการเอง อะไรต่างๆ ซึ่งตรงนี้ เราก็เถียงของเราในใจแหละว่า เราจะรวยได้ยังไง ยังเป็นลูกน้องเขา หนี้สินก็มี ไม่ได้มีเงินเป็นแสนเป็นล้านที่จะเปิดร้านของเราเอง แต่พอมาได้สาขามาเปิดเอง มันก็เออนะ หมอดูนี่ก็แม่นเนอะ ก็เริ่มสร้างหลักปักฐานให้ตัวเอง ด้วยการทำร้าน บริหารงานเองเลย”
เปิดร้านของตัวเองครั้งแรก ต้องทำอะไรบ้าง
“ด้วยความที่เป็นร้านทำผมอยู่ก่อนแล้ว ผมก็รีโนเวทใหม่หมด ด้วยเงินที่เก็บไว้ ที่ถูกหวย ที่ทำงานทุกอย่าง ก็มีลูกน้องคอยช่วยในร้าน เราก็แบ่งเปอร์เซ็นต์ในการตัดผมให้กับเขา คือทุกอย่าง เราจะใช้หลักครอบครัวมาบริหารงาน อยู่กันแบบพี่น้อง ไม่เอาเปรียบกัน พูดว่าตักเตือนกันได้ มีอะไรก็แบ่งปันกันแบบนี้”
แล้วอาจารย์ก็สอนทำผมด้วยใช่มั้ยคะ
“ใช่ครับ ก็เปิดครบวงจรเลย เป็นร้านทำผม ที่มีรับทำผมหน้าร้าน และมีสถานที่เรียน แล้วผมก็ซื้อที่ด้านหลังเพิ่มเป็นมุมพักผ่อน ที่พักอะไรไปด้วย คือจากเราไม่มี เราก็เริ่มมีกิจการต่างๆ เป็นของเราเอง แล้วก็เริ่มออกไปประกวด ไปดูการแข่งขันที่ไหนเขามี เราก็ไป เพื่อให้ได้ความรู้มากขึ้น ครั้งแรกที่ไปเป็นงานประกวดช่างผมที่เชียงใหม่ จำได้ว่าตอนนั้นเขาจะวางตัวไว้หมดแล้ว ที่ 1 2 3 เป็นใครคือวางไว้หมด ส่วนรางวัลอื่นๆ ก็เป็นของเรา แต่ด้วยความที่คณะกรรมการซึ่งเป็นอาจารย์จากสถาบันต่างๆ เขาก็เห็นฝีมือ ก็เลยชวนมาเป็นพรีเซนเตอร์ ตอนนั้นก็เริ่มถ่ายรูปคู่กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ จนตอนนี้ก็เป็นพรีเซนเตอร์ของแบตเตอร์เลี่ยน WAHL, GAMMA+, SUNPUSO, JUST GEL ประมาณนี้ครับ”
จากที่เราเป็นช่างผม เป็นอาจารย์ จนถึงตอนนี้ อาจารย์ได้เป็นนายกสมาคมช่างผมไทยด้วย
“ครับ ตรงนี้ผมถือว่าเป็นโอกาสนะ คือจริงๆ แล้วมีคนเสนอชื่อเข้าไป แล้วเราก็ติดโผกับเขาด้วย แต่ก็พับไปช่วงโควิดหนัก ทุกอย่างชะงักไปสองปีเห็นจะได้ แต่พอกลับมาใหม่ เหมือนนับหนึ่งใหม่ ชื่อผมก็ยังอยู่ แล้วสรุปก็คือผมได้รับโอกาสดีๆ นั้น ก็เลยพยายามสร้างโอกาสต่อยอดให้กับน้องๆ รุ่นหลังด้วย เพราะจากที่สมาคมไม่มีเงินเดือน เพราะเราจะไม่เก็บอะไรจากช่างผม เราก็จะพยายามระดมทุน เพื่อว่าเวลาเกิดเหตุการณ์อะไรที่จำเป็นต้องช่วยกัน เราจะได้ช่วยเหลือกันได้ทันท่วงที เพราะอย่างช่วงโควิดนี่ลำบากกันมากจริงๆ อย่างของผม รายได้ก็หายไปในราว 40 เปอร์เซ็นต์เห็นจะได้นะ”
จากประสบการณ์ช่วงนั้น เราก็นำมาประยุกต์สร้างสรรค์เป็นแนวทางบริหารต่อ
“ผมพยายามคิดว่า การที่เรายิ่งให้ เราก็ยิ่งได้นะ คือเริ่มต้นจากเท่าที่เรามี อย่างในแต่ละปี เราก็จะรวบรวมสิ่งของ เครื่องใช้จำเป็น เอาไปบริจาคให้กับเด็กบนดอยบ้าง ไปกินไปนอน ไปดูความเป็นอยู่ของพวกเขา ของแบบนี้มันเป็นอะไรที่ให้ไป เราก็ได้มา แต่อย่าไปหวังว่า ถ้าไม่ได้ ฉันก็ไม่ให้อะไรแบบนี้ มันก็ไม่ใช่ อย่างมีครั้งหนึ่ง ผมเดินไปตลาด ก็บังเอิญแหละ แม่ค้าเขาขายกบ กำลังจะฆ่ากบเลย แล้วกบตัวนี้มันกระโดดมาอยู่ตรงเท้าผมเลยนะ เหมือนมันขอความช่วยเหลือเรา เราก็เออ แปลกนะ ผมก็เลยขอซื้อ เหมือนเราขอไถ่ชีวิตเขาแหละ ถึงจะเป็นสัตว์เล็กๆ แต่ผมก็ว่าเขาน่าสงสารนะ ก็สรุปได้กบกลับมาเลี้ยงที่บ้านตัวหนึ่ง และมันก็แปลก เหมือนเขาให้คุณเรา ผมก็ซื้อหวยเลย ซื้อเลขบ้านนี่ล่ะ เหมือนเราเอาเขามาไว้ในบ้าน มันก็ออกจริงๆ งวดนั้นผมถูกเป็นแสนนะ แล้วพอข่าวออกไปว่าผมเอากบมาเลี้ยงแล้วถูกหวย ก็มีคนเอากบมาให้ผมใหญ่เลยทีนี้ ทุกวันนี้ผมเลยเลี้ยงกบเอาไว้ทั้งหมด 8 ตัว แล้ว”
เหมือนเป็นกบนำโชคมั้ยแบบนี้
“นั่นสิ ผมก็ว่ามันจริงเลย เพราะผมก็เลี้ยงในบ้าน จริงๆ มันมี 9 ตัวด้วยซ้ำ แต่บังเอิญตัวหนึ่ง ตายไป น่าจะร้อนจัดหรือไงผมก็ไม่แน่ใจ แต่วันที่กบตัวนั้นตาย ผมก็นึกไงไม่รู้ ก็ซื้อหวยอีก ว่ากบตายไปตัวหนึ่ง ก็จะเหลือกี่ตัว งวดนั้น หวยก็ออกเลขที่ผมคิดไว้จริงๆ ถึงขนาดรายการแปลกแต่จริง ขอมาถ่ายทำกบของผมออกรายการเลยนะ มันก็แปลกจริงๆ นั่นล่ะผมว่า”
ทุกวันนี้ อาจารย์ก็ยังถูกหวยตลอด
“ถูกตลอดนะ เคยถูกติดกันสิบงวดก็เคยมาแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ เราก็จะไม่ได้เล่นเยอะเหมือนสมัยก่อนแล้ว เบาๆ ลงหน่อย ทั้งแทงหวย ทั้งลอตเตอรี่ ซื้อพอว่าได้เสี่ยงโชค แต่ไม่ได้เล่นแบบเยอะแยะเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังถูก คือจะถูกมากถูกน้อยมันก็ถูกมาเรื่อยๆ นะ ถ้าถามว่าเลขมาจากไหนก็อย่างที่บอก มันก็มีมาของมันเรื่อยๆ อย่างบางทีเราเอาของไปบริจาค เราก็ซื้อเลขรถที่เรานั่งไป งวดนั้นมันก๊ออก หรือมีเด็กเข้ามาตัดผม เราก็ชอบถาม บอกเลขมาตัวหนึ่งสิ งวดนี้ออกอะไร เราก็จดๆ ไว้ เอามารวมๆ กันซื้อหวย มันก็ถูก แล้วผมเป็นคนชอบตัดผมให้คนยากจน คนจรจัดเข้ามา ผมก็ตัดให้ ขอแค่บอกเลขหวยมา อะไรก็ได้ แต่อะไรก็ได้ มันก็ถูกไง (หัวเราะ)”
ด้านชีวิตครอบครัวของอาจารย์ล่ะคะ
“ครอบครัวผม ก็อยู่กับแฟนคนปัจจุบัน เขาก็เปิดร้านอาหารกับพี่สาวเขาที่อยุธยานี่ล่ะ ผมมีลูกกับแฟนเก่าคนหนึ่ง ผมก็ส่งไปเรียนจนจบต่างประเทศ เพราะช่วงนั้นผมก็ยังทำงานในเรืออยู่ รายได้ค่อนข้างเยอะ ส่วนคนเล็ก ก็เรียนครูอยู่ ม.สารคาม ครับตอนนี้ ชีวิตก็ยังดำเนินต่อไปเนอะ ทำงานร้านทำผม พัฒนางานต่อยอดไปเรื่อย”
ที่พัฒนางานนี่ อาจารย์ปรับเปลี่ยนอะไรให้ตามยุคสมัยบ้างคะ
“ก็น่าจะเป็นเมื่อสักสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นยังไม่ได้มีเฟส มีไลน์อะไร สื่อโซเชียลยังไม่บูมมาก ผมก็อาศัยว่า มีอะไรที่น่าสนใจแปลกใหม่ เช่น การแกะลาย ผมก็เริ่มตัดผมแบบวิธีแกะลาย ใหม่ๆ ก็เป็นลายงูเลื้อยไปอะไรไปแบบนี้ หลังๆ ก็เริ่มดูลายให้แปลกแหวกแนวมากขึ้น ปรับขึ้นไปเรื่อยๆ ปากต่อปากก็ชื่นชอบ ก็เริ่มกลายเป็นเทรนด์ในสมัยนั้น ร้านของเราก็บูมไปด้วยแบบนี้ครับ”
จากที่ได้ทำตามความฝัน คืองานช่างผมมาแล้ว ยังมีอะไรอีกบ้างคะที่อาจารย์อยากทำ
“ถ้าเป็นบั้นปลายชีวิต ผมอยากอยู่แบบร่มรื่น สบายใจนะ เลยไปซื้อที่แถวเพชรบูรณ์เอาไว้ ผมว่าทางโน้นอากาศค่อนข้างดี ธรรมชาติมาก ซื้อไว้เยอะพอสมควร ตั้งใจว่า วันหนึ่งเราจะไปปลูกโฮมสเตย์เล็กๆ ที่นั่น บริหารงานไป พักผ่อนไป ชีวิตน่าจะมีความสุขดี จากที่ใช้ชีวิตอยู่กับงานช่างผม อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมซึ่งผู้คนจะค่อนข้างวุ่นวายอยู่”
สิ่งที่อยากฝากไว้ถึงน้องๆ ช่างผมรุ่นหลัง
“จริงๆ แล้ว สิ่งที่ดีอยู่แล้ว ก็อยากให้น้องๆ ทุกคนทำกันต่อไปเนอะ แต่สิ่งที่ผมอยากฝาก คืออยากให้ทุกคนอย่าทะเลาะกันเอง ให้เรารักกัน ไม่ต้องมาแก่งแย่งชิงดีกัน ทุกคนต่างมีดี มีฝีมือของตัวเอง เอาเวลาไปต่อยอดพัฒนางานให้ลูกค้าเชื่อในฝีมือของเรา แบบนี้ดีกว่า เพราะส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ บางทีก็จะชอบแข่งกันเอง ทะเลาะกันเอง ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากให้ปรับทัศนคติกันตรงนี้มากกว่า พัฒนางานกันเพื่ออนาคต ย่อมดีที่สุดครับ”
เป็นอีกหนึ่งแนวคิด และเรื่องราวดีๆ ในการดำรงชีวิต ที่ในปัจจุบัน แม้จะมีการแก่งแย่งแข่งขันกันอย่างไร แต่อาจารย์ก็ได้กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยว่า การเอาชนะทิ่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการเอาชนะใจเราให้ได้ก่อนนั่นเอง !